fbpx

เสียงก้องจากห้องใต้ดิน :  ณ เมืองกูเตาะห์แห่งซีเรีย

นี่เป็นวันแรกที่ฉันเริ่มใช้ชีวิตในห้องใต้ดินอันแสนอุดอู้แห่งนี้ ฉันวิ่งลงมาหลบอยู่ในนี้หลังจากที่ระเบิดขีปนาวุธถล่มใส่บ้านของเราเมื่อคืนที่ผ่านมา ฉันและครอบครัววิ่งไปยังหลุมหลบภัยของเด็กและสตรีที่ใกล้ตัวสุดในระยะ 150 เมตรภายในเวลาไม่ถึงสองนาที เราไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบสิ่งของสัมภาระใดๆ ติดมือมาด้วย เราแค่ต้องการจะหนีให้พ้นจากห่ากระสุนที่กำลังตกใส่เรา ณ ตอนนั้น

นี่ไม่ใช่ชะตากรรมของฉันเพียงคนเดียว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในเมืองดูม่าทางกูเตาะห์ตะวันออกที่ฉันอาศัยอยู่ต่างก็ต้องพากันอพยพหลบหนีไปอยู่ในห้องใต้ดินกันทั้งนั้น ห้องใต้ดินแห่งนี้ที่พอจะช่วยบรรเทาทุกข์จากการจู่โจมของกลุ่มกองกำลังทหารซีเรียที่โจมตีพวกเรามานานร่วมสัปดาห์ และตอนนี้ก็ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 500 ราย

ณ ห้องใต้ดินแห่งนี้ เราได้รับการต้อนรับจากผู้คนที่เข้ามาหลบภัยอยู่ก่อนหน้า ฉันไม่สามารถบอกตัวเองให้เข้าใจในสิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นได้เลย ฉันนั่งพิงกำแพง แล้วเริ่มชายตามองดูใบหน้าผู้คนรอบข้างที่เต็มไปด้วยความหวาดผวา สิ่งเดียวที่แล่นเข้ามาในความคิดของฉันตอนนั้นคือคุกที่ฉันเคยถูกจองจำในศูนย์กักขัง Kafr Sousa สาขาที่ 215 แห่งเมืองดามัสกัส ที่ที่ผู้คุมขังซึ่งพวกทหารซีเรียจ้างวานมา คอยใช้วิธีทารุณกรรมสารพัดเพื่อให้คุณตายคาคุกตรงนั้นให้ได้

ด้วยความอ่อนล้าฉันจึงงีบหลับลงไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่ร่างกายของฉันต้องทนกับสภาพอดหลับอดนอนมาร่วม 72 ชั่วโมง ยกเว้นบางช่วงเวลาที่ฉันแอบหลับชั่วครู่ชั่วคราวเพียงไม่กี่ตื่น เสียงสนั่นจากแรงระเบิดบริเวณใกล้เคียงมันปลุกให้สะดุ้งตื่นอยู่ตลอดเวลา

ฉันเริ่มเดินไปมาภายในห้องใต้ดินนั้นเพื่อทักทายและทำความรู้จักกับทุกคนที่เข้ามาหลบภัยด้วยกัน คนเหล่านี้ล้วนเป็นแม่บ้านและเด็กเล็กที่แทบจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกข้างบนนั่น พวกเขาหวังเพียงอยากจะให้มีการหยุดยิงหยุดโจมตี เพื่อจะได้มีโอกาสออกไปชะโงกหัวบนดินและมองหาอาหารประทังปากท้องเสียที

ฉันอยู่ข้างในนั้นเพียง 6 ชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ค่อยสะดวก ความชื้นมันทำให้ระบบหายใจของฉันเริ่มต้องทำงานหนัก และยิ่งเมื่อได้รู้ว่าจะต้องขาดการติดต่อจากโลกภายนอก มันก็ยิ่งรบเร้าความรู้สึกให้ว้าวุ่นใจเข้าไปอีก

ผนังในห้องใต้ดินกึกก้องไปด้วยเสียงกรีดร้องเสียงร่ำไห้ของเด็กเล็ก บรรดาผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านต่างพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ลูกๆ ของนางหยุดร้องไห้งอแง แล้วต่างคนก็เริ่มหามุมเพื่อประกอบอาหาร เราไม่มีไม้ฟืนใดๆ พวกผู้หญิงจึงต้องหันไปพึ่งวิธีฉีกเสื้อผ้าบางส่วนของตนเองเพื่อนำมาก่อไฟแทน

ฉันเริ่มรู้สึกถึงความหิวโหยเมื่อสมาชิกผู้หญิงในครอบครัวของฉัน 6 คนเริ่มช่วยกันระดมความคิดเพื่อมองหาวิธีให้ได้มาซึ่งมื้ออาหารประทังปากท้องในวันนั้น แล้วเราก็ตัดสินใจว่าทางเดียวที่ดีที่สุดคือเราจะต้องออกไปหาญาติของเรา ณ หลุมหลบภัยฝั่งผู้ชาย

“เธอมีเวลาแค่ 45 วินาทีในการก้าวผ่านทางเดินมรณะตรงนั้นนะ” ฉันพูดกึ่งตลกกับญาติของฉัน ก่อนจะวิ่งฝ่าดงมรสุมปรมาณูไปยังหลุมหลบภัยฝั่งผู้ชายด้วยกัน ท่ามกลางเสียงระเบิดตูมตามและควันโขมงสีดำตลอดเส้นทาง

เมื่อถึงที่นั่นพวกเราได้รับการต้อนรับดั่งการมาเยือนของฮีโร่ เราได้รับส่วนแบ่งอาหารเป็นเมล็ดธัญพืชบดที่เราคิดว่าเพียงพอจะเลี้ยงปากท้องของผู้หญิง 6 ชีวิตและเด็กเล็กอีก 5 คน อย่างน้อยก็ช่วยยืดเวลาให้สมาชิกในครอบครัวของเราอิ่มท้องต่อไปได้อีกหนึ่งวัน

ด้วยอาหารที่ตกถึงท้องเพียงไม่กี่คำก็สามารถเติมเต็มความสุขให้เราได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้จะมีเครื่องบินปรมาณูบินว่อนเหนือศีรษะ แต่เรากลับรู้สึกราวกับว่าได้คว้าชัยชนะอะไรบางอย่าง ชัยชนะในการต่อสู้กับสภาวะทุพโภชนาการที่เราต้องเผชิญอยู่บ่อยๆ ในดินแดนสงครามที่ชื่อว่ากูเตาะห์ตะวันออกแห่งนี้

กลับมาที่ห้องใต้ดินฝั่งผู้หญิง ภาพที่เราเห็นคือสภาพเด็กๆ ที่ดูอลหม่านวุ่นวาย กับบรรดาแม่ๆ ที่กำลังสาละวนเช็ดตัวทำความสะอาดลูกๆ ของตัวเองและพยายามกล่อมลูกให้สงบสติอารมณ์

ฉันจึงอาสารับหน้าที่สวมบทบาทเป็นดาราบันเทิงให้กับเด็กๆ ฉันเรียกพวกเขามานั่งล้อมวงเพื่อฟังนิทาน ฉันเริ่มต้นเล่านิทานด้วยเรื่อง “Gone with the Wind” เพราะอยากจะให้เด็กๆ ได้แรงบันดาลใจจากความกล้าหาญของตัวละครเอกในเรื่องที่ชื่อ Scarlett  ฉันเล่าให้เด็กๆ ฟังถึงโชคชะตาของเธอที่ต้องฝ่าฟันเอาชนะภัยสงครามจนสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ในที่สุด ฉันสะกดจิตให้เด็กๆ เพลินไปกับเรื่องเล่าว่า Scarlett สามารถชุบชีวิตตนเองขึ้นมาใหม่จากเศษหินเศษปูนในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกาได้จนสำเร็จ เด็กๆ ตาลุกวาวอย่างกระหายใคร่รู้เมื่อฉันเริ่มเล่าถึงชะตากรรมความรักแสนอาภัพของตัวละครเอกในเรื่องนั้น

เหล่าแม่บ้านยื่นกาแฟให้ฉันหนึ่งแก้วแทนคำขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกๆ ของนาง แม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ชั่วโมงเดียวก็ตาม …

เมื่อฉันได้นั่งพักแล้วเริ่มหันไปมองรอบๆ ห้องใต้ดินที่ตอนนี้เริ่มเงียบสงบลง พวกผู้หญิงและเด็กๆ เริ่มเขยิบเข้ามาชิดกันเพื่อแบ่งสรรพื้นที่ให้พอดีกับทุกคนในนั้น ความเงียบพาลให้ฉันเริ่มนึกไปถึงคุกในห้องขังที่ฉันเคยอยู่อีกครั้ง บรรยากาศที่นี่มันช่างน่าสะพรึงกลัวและดูหดหู่ไม่ต่างกันเลย ความทรมานก็เช่นกัน ความทรมานที่คาดโทษโดยพวกทหารในคุกกับในสนามรบนั้นมันช่างคล้ายคลึงกันจนแทบไม่เห็นความต่างใดๆ เลย

ท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืนนั้น ความสิ้นหวังต่อสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่เริ่มเข้ามาครอบงำความคิดอีกครั้ง เรื่องราวในหัวมันโลดแล่นให้ฉันเริ่มกลับไปนึกถึงการพบปะครั้งสุดท้ายระหว่างฉันกับองค์การสหประชาชาติ

เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเข้ามาถึงเมืองดูม่าเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับตะกร้ายังชีพเพียง 4,010 ชุดสำหรับครอบครัวในเมืองดังกล่าวที่มีถึง 28,000 ครัวเรือน ฉันยังจำในสิ่งที่ฉันบอกกับพวกเขาในฐานะหัวหน้าประจำสำนักงานเพื่อสตรีเมืองดูม่าได้ดี และยังคงจำฝังใจจนทุกวันนี้

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนในวันนั้น บนโต๊ะประชุมยาวที่บรรดาผู้นำภาคประชาสังคมของเมืองนั่งเจรจากับสมาชิกตัวแทนขององค์การฯ ฉันบอกกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในนั้นว่า จำนวนสิ่งของยังชีพที่ทางองค์การได้ให้กับเรานั้นไม่เพียงพอมากๆ  ฉันพูดว่าคาราวานแจกของทำให้เรารู้สึกว่า ประชาชนในดูม่าคงต้องโดนสังหารหมู่ให้มากกว่านี้เพื่อจะได้เพียงพอกับสิ่งของเพียงน้อยนิดที่สหประชาชาติจัดเตรียมมา

หากคาราวานแจกของจะมาอีกครั้งในวันนี้ ฉันก็จะยังคงย้ำเตือนคำพูดเดิมที่ได้บอกไปวันนั้น และฉันจะบอกไปอีกว่าพวกเขานั้นมีส่วนร่วมกับพวกกองกำลังทหารและอาชญากรรมรัสเซียนี้ด้วยเช่นกัน

และฉันก็จะบอกกับประชาคมโลกด้วยว่า หากพวกเขาตัดสินใจพร้อมกับบัชชารฺ อัลอัดซาดว่าจะฆ่าพวกเราให้หมดสิ้นไปเลยแล้วล่ะก็ ได้โปรดเมตตาพวกเราแล้วช่วยทำให้มันจบเร็วๆ ไปเสียที เพราะพวกเราเหนื่อยล้ากับการต้องมาเข้าแถวคอยคิวเพื่อรอวันตายเช่นนี้แล้ว

ฉันจะบอกกับประชาคมโลก ให้กรุณาเผาเอกสารกฎบัตรและสัญญาระหว่างประเทศของสหประชาชาติที่ว่าอ้างด้วยการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของมนุษยธรรม ที่ว่าอ้างด้วยสิทธิในการมีชีวิตเหล่านั้นให้สิ้นซากไปด้วย

และสำหรับเพื่อนมนุษย์จากทุกมุมโลกที่พยายามให้ความสำคัญกับคำว่ามนุษยธรรมเหนือสิ่งอื่นใด ที่คอยพยายามออกมาเรียกร้องให้หยุดฆ่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ ที่คอยช่วยเรี่ยไรเงินบริจาคเพื่อการกุศลและแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับกูเตาะห์ตะวันออก ฉันขอกล่าวคำว่าขอบคุณ..อย่างสุดซึ่งมา ณ ที่นี้

 

ร่วมบริจาคช่วยเหลือด้านอาหารและการแพทย์แก่พวกเขาชาวเมืองกูเตาะห์ได้ทาง Ummatee Thailand

ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 281 255 6689 ชื่อบัญชี ภิญโญ, อมรอล

แปลและเรียบเรียง : Andalas Farr
ที่มา : If you’re going to kill us, make it quick — we are sick of waiting on death row

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดอย่างไร ?

About author View all posts

Andalas Farr

คุณแม่ลูกสามผู้หลงใหลงานแปลภาษาเป็นชีวิตจิตใจ และรักงานเขียน งานสอนที่เชิญชวนสู่เส้นทางแห่งความดี ไม่ได้เป็นลูกครึ่งแต่รู้สึกผูกพันกับภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ ชนิดเห็นประโยคแล้วสมองต้องประมวลภาษาโดยอัตโนมัติ Andalas จบการศึกษาระดับปริญาตรีและโทคณะมนุษย์ศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับครอบครัว ลูก และตัวอักษร