fbpx

มิติที่แตกต่าง…ในชีวิต – อัลอัค

ชีวิตของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม เป็นเหมือนจักรวาลที่ประกอบไปด้วยมิติต่างๆ ที่หลากหลายและประสานกันลงตัว ตรงนี้เองที่ผมอยากจะบอกว่า การดำรงอยู่ของชีวิตที่ผิดพลาดนั้นเกิดจากการเข้าใจมิติเหล่านี้ไม่ครบถ้วน ขาดๆ เกินๆ และทำการประสานมันไม่ลงตัว ให้น้ำหนักไม่ถูกต้อง ทำให้เอียงไปซ้ายเอียงไปขวา

เพื่อให้เห็นชัดเจนจะยกตัวอย่างให้เห็นสัก 2-3 เรื่อง เรื่องแรกคือความศรัทธาในวันสิ้นโลกของมุสลิม แน่นอนครับว่านี่คือความเชื่อที่ปรากฏอย่างชัดเจนเด็ดขาด ตีความเป็นนามธรรมแบบสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ใจไม่ได้เด็ดขาด วันสิ้นโลกเป็นสัจธรรมในคำสอนอิสลาม ใครอ่านอัลกุรอานก็จะทราบได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความ

คำสอนในมิตินี้ไม่ได้ทำให้มุสลิมสิ้นหวังกับเรื่องทางโลก งอมืองอเท้า ในคำสอนอีกมิติหนึ่งท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กลับกล่าวเอาไว้ว่า

“หากว่าวันสิ้นโลกจะเกิดขึ้น และในมือของพวกท่านคนใดคนหนึ่งมีต้นกล้าอินทผลัมอยู่ แม้ว่าเขาไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้ เว้นแต่ปลูกมัน ก็ขอให้เขาปลูกมันเถิด” (เศาะฮีฮฺ อัลญามิอฺ 1424 โดย อัลอัลบานียฺ)

อิสลามถือว่า การให้คุณค่าของงานไม่ใช่อยู่ที่ความสำเร็จของงานแต่อยู่ในการได้ทำงานนั้นๆ …

ผมพบเห็นมุสลิมหลายคนที่ไม่อาจเข้าใจมิติทั้งสองด้านนี้ของอิสลามได้ ความเข้าใจผิดของเขาทำให้เกิดปัญหากับชีวิต เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนมีข่าวว่าบางหน้าของอัลกุรอานได้หายไป(ความจริงคือมีปัญหาการพิมพ์) ซึ่งตามความเข้าใจในสัญญาณวันสิ้นโลกอย่างหนึ่งก็คืออัลกุรอานจะถูกละเลย ดังนั้น เมื่อคนบางคนเห็นบางหน้าอัลกุรอานหายไปก็เลยคิดว่า “ใช่แน่แล้ว กียามัตแน่แล้ว” กลัวมากก็เลยลาออกจากโรงเรียนมาเฝ้าสุเหร่า

นี่คือการเข้าใจมิติเดียวของคำสอนแล้วตีความอีกมิติเอาเองโดยไม่ได้ดูว่าอิสลามมีจุดยืนอย่างไรในอีกมิติหนึ่ง คนยุคแรกอิสลามได้เข้าใจมิติเหล่านี้ครบถ้วน เขาได้ยินได้ฟังเรื่องราววันสิ้นโลกมามากกว่าเรา ถึงขึ้นได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ฉันถูกส่งมาและวันสิ้นโลกนี้ เช่นทั้งสองนี้” แล้วท่านได้ชี้ไปที่สองนิ้ว คือนิ้วกลางและนิ้วชี้(อ้างจากเศาะฮีฮฺ มุสลิม) ก็ไม่เห็นเศาะฮาบะฮฺท่านใดละทิ้งการทำมาหากินและการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺเลย เพราะพวกเขาเข้าใจอิสลามครบทุกมิตินั่นเอง

ขอยกอีกตัวอย่างที่คนเข้าใจผิดกันมาก นั่นคือคนเข้าใจอิสลามว่าทำให้คน “เครียด” อยู่กับระเบียบวินัยศาสนา ขยับตัวไม่ได้ ดังที่ผมได้อ่านพบในความคิดเห็นทางบอร์ดอินเตอร์เน็ต

เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยของเรา แต่ได้มีตัวอย่างหนึ่งแม้แต่ในยุคท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม เอง ได้เคยปรากฏตัวอย่างของสหายของท่านศาสดาคนหนึ่งเคยมองอิสลามว่าเป็นมิติเดียว เป็นมิติที่ต้องเคร่งเครียดและต้องจดจ่ออยู่กับวันพิพากษา แต่เมื่อเขาต้องสนุกรื่นเริงกับครอบครัวทำให้เขาเกิดความสับสน ดังที่เขาได้บรรยายความรู้สึกให้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ฟังว่า ‘ตอนที่เราอยู่ร่วมกับท่าน ท่านบอกเราเรื่องของนรกและสวรรค์ จนกระทั่งเหมือนเราเห็นมันด้วยตา และเมื่อเราได้ออกมาจากท่านมา เรายุ่งเกี่ยวกับภรรยา ลูกๆ และการแสวงหาการดำรงชีวิต เราได้ลืมมันเสียมาก’ แต่ท่านศาสดากล่าวสรุปให้กับเขาว่า ‘… เวลานี้สำหรับเรื่องนี้ เวลานั้นสำหรับเรื่องนั้น’ ท่านกล่าวย้ำสามครั้ง (อ้างจากเศาะฮีฮฺ มุสลิม)

แม้มิติหนึ่งของคำสอนอิสลามนั้นเน้นความจริงจังกับสัจธรรมเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ไปคิดเอาเองในอีกมิติหนึ่งว่า มุสลิมต้องทำตัวแข็งกระด้าง ดังที่คนจำนวนไม่น้อยที่ได้อ้างบางใจความจากอัลกุรอานแล้วพากันคิดไปเช่นนั้น คำสอนอิสลามมีมิติอีกส่วนหนึ่งที่ปล่อยให้มีการผ่อนคลายได้ในอัตราที่เหมาะสม ดังที่ท่านอลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เปรียบให้มีอารมณ์ขันบ้างเหมือน “อาหารที่มีเกลือ” คือมันจำเป็นต้องมี แต่ต้องใส่จำนวนน้อยๆที่พอเหมาะมันถึงจะมีรสชาติ

เราจะเห็นบรรดาเศาะฮาบะฮฺ ผู้ได้รับการอบรมจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม เอง สะท้อนมิติทั้งสองส่วนนี้อย่างครบถ้วน พวกเขาไม่เคยทำตัวเหมือนคนอมทุกข์ ดังบุคลิกภาพของพวกเขาที่ถูกบรรยายไว้ว่า ‘… พวกเขานั้นเป็นพวกที่ร่ายบทกวีในการพบปะกันระหว่างพวกเขา และได้พูดคุยกันถึงเรื่องในสมัยญาฮิลียะฮฺ(เป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลาย) แต่(ในอีกมิติหนึ่ง)เมื่อใดพวกเขาเผชิญกับความประสงค์ร้ายต่อเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องศาสนาสายตาที่จ้องมองของเขาจะเปลี่ยนไปประหนึ่งคนเสียสติ(คือเอาจริงเอาจัง)’

การมีท่าทีต่อโลกข้างต้น เป็นตัวอย่างที่ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนชีวิตใหม่ว่า ชีวิตที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้สามารถนำทุกมิติของคำสอนอิสลามมาทำให้สอดคล้องลงตัว…ได้อย่างถูกสัดส่วนหรือไม่ ?

 

บทความโดย : อัล อัค

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดอย่างไร ?

About author View all posts Author website

Halal Life

Halal Life สื่อออนไลน์ที่นำเสนอแนวคิด และองค์ความรู้ที่ฮาลาล ผ่านเรื่องราว ผ่านมุมมอง และผ่านประสบการณ์ของหลากหลายผู้คน เพื่อเชื่อมโยงผู้คนที่ใช้ชีวิตในแบบฮาลาลเข้าไว้ด้วยกัน