fbpx

อิสตันบูล : เมืองหลวงของคนรักแมว  

ใครหลายคนอาจคุ้นตากับคลิปวิดีโออิหม่ามมัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองอิสตันบูล ที่เปิดประตูมัสยิดต้อนรับเจ้าแมวสี่ขาขนฟูกับลูกๆ ด้วยความเอ็นดู เรียกคะแนนนิยมกระหน่ำจากโลกโซเชียล อิหม่ามใจดี เปิดประตูให้แมวเหมียวหลบหนาว

แต่ถ้าใครคุ้นเคยกับเมืองอิสตันบูลของตุรกีเป็นอย่างดีก็จะรู้ว่า ความผูกพันระหว่างคนกับแมวของเมืองนี้ถือเป็นเรื่องปกติมาก และเชื่อว่าหากโลกนี้จัดการประกวดเมืองแมวเหมียว ก็คงจะไม่แปลกหากอิสตันบูลจะชนะเลิศ ได้รับมงกุฎเมืองคนรักแมวไปครอง เพราะตามตรอกซอกซอยในเมืองแทบไม่มีที่ใดเลยที่จะไม่มีเสียงร้องเหมียวหรือภาพแมวขนฟูนั่งเลียแข้งขาอย่างสบายใจ พวกมันดูสะอาดสะอ้านเหมือนแมวบ้านที่ได้รับการดูแลอย่างดีแทบทุกตัว

จะว่าไปแล้วสิ่งที่หล่อหลอมความเป็นชาติพันธุ์คนรักแมวของชาวตุรกีน่าจะเป็นศาสนา วัฒนธรรม และวิถีความเป็นอยู่ของคนในเมืองนี้

อิหม่าม Mustafa Efe เจ้าของภาพที่ถูกแชร์กระหน่ำในโลกโซเชียลถึงกับงงเล็กน้อย เมื่อทราบข่าวว่าภาพของเขาได้รับการชื่นชมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกได้ขนาดนั้น เขาบอกว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่มุสลิมทั่วไปพึงกระทำอยู่แล้ว

“หลักศรัทธาของเราเป็นเรื่องของความรักความเมตตาอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ครอบคลุมไปถึงเพื่อนร่วมโลกเช่นสัตว์ต่างๆ อีกด้วย

ศาสนาของเราสอนให้เรารักและเมตตาต่อทุกสรรพสิ่งบนโลก แม้แต่กับสิ่งที่เราคิดว่ามันอันตรายที่สุดอย่างงูเราก็ต้องเมตตากับมัน การให้ที่อยู่กับแมวจึงยิ่งเป็นสิ่งที่เทียบไม่ได้เลย

แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ถือว่าสกปรกตามหลักการของศาสนาอิสลาม ฉะนั้นการปล่อยให้มันได้อยู่อาศัยในมัสยิดจึงไม่เป็นประเด็นปัญหาแต่อย่างใด”

แน่นอนว่าเรื่องราวความรักความเมตตาของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ที่มีต่อแมวน่าจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ช่วยยกสถานะให้แมวกลายเป็นแขกพิเศษของเมืองที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมอย่างอิสตันบูล หนึ่งในเรื่องราวที่ว่านี้คือฮะดิษที่บอกเล่าถึงตอนที่ท่านนบียอมตัดแม้กระทั่งแขนเสื้อคลุมของท่านเอง เพื่อไม่อยากปลุกแมวที่กำลังนอนหลับอยู่ กับอีกเรื่องหนึ่งที่บอกเล่าถึงความเป็นฮีโร่ของแมวที่ช่วยชีวิตท่านนบีจากการถูกงูกัด

 

มันคือวิถีและวัฒนธรรมท้องถิ่น

ไม่ใช่แค่มุสลิมเคร่งครัดศาสนาในมัสยิดอิสตันบูลเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อแมวประหนึ่งแขกสำคัญจากราชวัง แมวในเมืองอิสตันบูลมักได้รับการเอ็นดูเอาใจใส่อย่างมีเกียรติแทบทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟธรรมดาไปจนถึงร้านอินเทรนด์ร่วมสมัย ย่านที่อยู่อาศัยเก๋ไก๋ใจกลางเมืองไปจนถึงเขตชุมชนคนสามัญชนทั่วไป

ภาพแมวบ้านเดินป้วนเปี้ยนไปมาในร้านกาแฟกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นี่ บ่อยครั้งที่เราจะเห็นเจ้าแมวเหมียวครองตำแหน่งที่นั่งมุมสบายสุดในร้านโดยที่ไม่มีใครกล้าขัดให้อารมณ์เสีย แม้แต่ลูกค้าหรือเจ้าของร้านเองก็ไม่มีใครคิดจะไล่ตะเพิดมันไป กลายเป็นว่ามนุษย์สองขาอย่างเราๆ ต้องหาที่นั่งบริเวณอื่นแทนเอง

”มีแต่แมวเท่านั้นที่ได้รับอภิสิทธิ์ให้เดินป้วนเปี้ยนในร้านได้” Gulsun Sozeri พนักงานร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งเล่าให้ฟังขณะชี้ไปที่เจ้าแมวสามสี่ตัวนอนคุดคู้อย่างชิว ร้านกาแฟที่เธอทำงานเป็นร้านบริการตนเองที่ตั้งอยู่ในย่านที่พักอาศัยยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองอิสตันบูล

”ที่ร้านเรามีโต๊ะและเก้าอี้เพียงไม่กี่ตัว บางครั้งแมวพวกนี้ก็ครองที่นั่งไปหนึ่งหรือสองโต๊ะในมุมสบายที่มีแสงแดดเข้าถึงมากที่สุด แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร ไม่มีใครหน้าไหนแม้แต่เจ้าของร้านหรือลูกค้าเองจะย้ายพวกมันออกไป พวกมันอยู่นี่เป็นปกติไปแล้ว” Sozeri เล่าให้ฟัง

Sozeri เล่าด้วยว่า แม้ว่าทางร้านอาจต้องสูญเสียลูกค้าบางส่วนที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ แต่ก็ได้ลูกค้าสายรักแมวเข้ามาทดแทนด้วยเช่นกัน

”เวลาเจ้าเหมียวมันอารมณ์ดีและอยู่ในโหมดขี้เล่น พวกมันจะช่วยสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี บางคนพอได้เห็นแมวในร้านก็อดที่จะเข้ามาแวะเล่นกับมันไม่ได้ จนเข้ามานั่งดื่มกาแฟโดยไม่ได้ตั้งใจ”

แมวในเมืองอิสตันบูลจะตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์อยู่ดีกินดี โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ตามร้านขายปลาหรือร้านขายเนื้อสด และเมืองนี้ก็แทบจะไม่มีแมวจรจัดสภาพผอมโซหิวโหยให้ได้เห็นกันเลย

รับมือกับพลเมืองสัตว์สายจรจัด

แต่กระนั้น ถ้าพูดถึงสุนัขจรจัดสำหรับเมืองนี้แล้วอาจกลายเป็นคนละกรณีไปเลย เพราะแม้สุนัขจะเป็นที่รักของใครหลายคนแต่พวกมันก็ไม่มีอภิสิทธิ์หรือได้รับการดูแลเป็นพิเศษดังเช่นที่เจ้าแมวเหมียวได้รับจากผู้คนที่นี่ และสุนัขส่วนใหญ่ก็มักตกเป็นกลุ่มเป้าหมายในการปราบปรามกวาดล้างของเหล่าเจ้าหน้าที่เทศกิจในเมืองอิสตันบูล

Suleyman Akif เจ้าหน้าที่อาสาสมัครของศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยงในเมืองอิสตันบูลเล่าว่า ด้วยเพราะความรักความหลงใหลต่อแมวของพลเมืองชาวตุรกี จึงทำให้ที่ศูนย์ฯแทบจะไม่มีแมวจรจัดให้ต้องดูแลเลย เขาเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งน่าจะเพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่เลี้ยงยากกว่าแมวจึงไม่ค่อยได้รับความนิยม แมวเป็นสัตว์ที่ดูแลตัวเองได้ ในขณะที่สุนัขนั้นต้องการดูแลเอาใจใส่ที่ยุ่งยากกว่า

อีกสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าชาวอิสตันบูลเป็นมนุษย์รักสัตว์ตัวยงโดยเฉพาะกับเจ้าแมวเหมียวก็คือ ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือผู้แทนฯคนใดที่กล้าเสนอไอเดียหรือออกมาตรการกำจัดสัตว์ตามท้องถนนในเมืองเลยสักนิด เพราะมันอาจสุ่มเสี่ยงทำให้ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน หากเจ้าหน้าที่กล้าหือคิดจะเล่นงานแมวซึ่งเป็นสัตว์ที่รักของคนทั้งเมือง ดังเช่นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งปี 2012 ที่เจ้าหน้าที่ได้ออกมาตรการกำจัดสัตว์จรจัด โดยเฉพาะสุนัขออกไปจากท้องถนนในเมือง จนทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่ต้องรีบถอดถอนมาตรการครั้งนั้นกันแทบไม่ทัน

ขนฟูผู้พิทักษ์เมือง

อิสตันบูลถือได้ว่าเป็นเมืองท่าอันคึกคัก ที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจของเมืองมายาวนานหลายศตวรรษ จึงมีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้รับเชิญที่มาพร้อมกับการมาเยือนของเหล่าบรรดาเรือขนสินค้าจากทั่วทุกมุมโลก นั่นก็คือมหันตภัยจากสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่ชื่อว่าหนูนั่นเอง

หนูเป็นพาหะนำโรคที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแพร่โรคระบาดให้กับสังคมมานักต่อนัก และหนึ่งเดียวในอาวุธชั้นดีที่สามารถเอาชนะกับข้าศึกอย่างหนูได้ดีที่สุดก็คือแมว นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แมวกลายเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของอิสตันบูลมายาวนาน เจ้าเหมียวประจำเมืองคอยทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ให้เมืองท่าเรืออย่างอิสตันบูล ที่แน่นอนว่าต้องมีประชากรหนูพลุกพล่าน กลายเป็นเมืองที่สะอาดสะอ้านปราศจากโรคระบาดที่มากับหนูจนถึงปัจจุบัน

มาเถอะ คุณเป็นใครก็ขอให้มา

อิหม่าม Efe เล่าว่า ภาพของเขากับแมวที่แพร่กระจายในโลกโซเชียลนั้นถูกถ่ายไว้หลายปีแล้ว และเขาไม่ได้โพสต์เพื่อต้องการที่จะเปลี่ยนทัศนคติของใครแต่อย่างใด แต่กระนั้นเขาก็ยินดีมากหากมันจะช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับอิสลามและสามารถเอาชนะความคิดอคติที่โลกมีต่อมุสลิมได้ ทุกวันนี้แมวในรูปที่โพสต์นั้นก็ยังคงอาศัยอยู่ในมัสยิดเช่นเดิม

“มุสลิมถูกนำเสนอในแง่ลบมานานหลายปี และบ่อยครั้งที่พวกเราถูกตีตราให้เป็นคนไม่ดีและถูกยัดเยียดด้วยภาพลักษณ์ดุดันป่าเถื่อนตามสื่อโทรทัศน์ ตามภาพยนตร์ และแทบทุกที่ เราถูกมองในแง่ลบมาโดยตลอด จนทำให้ภาพที่ออกมาเหล่านี้กลายเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ“ Efe เล่าให้ฟัง

เขาเล่าต่อไปว่า การที่ผมรักและเมตตาสัตว์มันไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร ไม่มีใครในมัสยิดแห่งนี้ที่รู้สึกประหลาดใจกับภาพที่เห็นด้วยซ้ำ เพราะความรักความเมตตาต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้คือแก่นสำคัญแห่งหลักศรัทธาของศาสนาเรา“

คำพูดหนึ่งของปราชญ์อย่าง Mawlana Jalal-ad Din Rumi ที่ว่า มาเถอะ คุณเป็นใครก็ขอให้มา น่าจะเป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงการยินดีต้อนรับทุกคนด้วยใจรักและเมตตา ซึ่งอิหม่าม Efe เชื่อว่าคำเชิญชวนที่ว่านี้ครอบคลุมทุกสิ่งสรรพแม้กระทั่งต้นไม้ทุกต้นบนโลกใบนี้

มัสยิดที่อิหม่ามEfe ประจำอยู่นี้มีชื่อว่ามัสยิด Aziz Mahmud Hudayi ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1594 แต่การเข้าถึงชุมชนของมัสยิดแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ที่นี่ยังมีลานครัวไว้สำหรับประกอบอาหารเพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องผู้ยากไร้ในชุมชนอีกด้วย

“ประตูมัสยิดของเราเปิดกว้างต้อนรับทุกคน เรามีอาหารแจกจ่ายให้กับทุกคนที่หิวโหย ตั้งแต่คนไร้บ้าน ผู้ลี้ภัย หรือแม้แต่ใครก็ตามที่มาหาเรา ไม่เว้นแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงร่วมโลก เราจะไม่ผลักไสทุกสรรพสิ่งมีชีวิตที่แวะเวียนเข้ามาทักทายที่หน้าประตูของเรา” อิหม่าม Efe เล่าให้ฟัง

แปลและเรียบเรียง : Andalas Farr
ที่มา : ‘Catstanbul’ not Constantinople: Welcome to the feline capital of the world

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดอย่างไร ?

About author View all posts

Andalas Farr

คุณแม่ลูกสามผู้หลงใหลงานแปลภาษาเป็นชีวิตจิตใจ และรักงานเขียน งานสอนที่เชิญชวนสู่เส้นทางแห่งความดี ไม่ได้เป็นลูกครึ่งแต่รู้สึกผูกพันกับภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ ชนิดเห็นประโยคแล้วสมองต้องประมวลภาษาโดยอัตโนมัติ Andalas จบการศึกษาระดับปริญาตรีและโทคณะมนุษย์ศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับครอบครัว ลูก และตัวอักษร