fbpx

ชะตากรรมผู้หญิงอุยกูร์ เพื่อนร่วมโลกที่คนแทบทั้งโลกไม่แยแส

เดือนรอมฎอนปีนี้ เราขอนำเสนอเรื่องราวของหญิงชาวอุยกุร์ท่านหนึ่ง เธอเป็นแม่ลูกห้าที่ต้องระเห็จระเหินจากบ้านเกิดเมืองนอนประเทศเตอกิสถานตะวันออกของตน มาอาศัยอยู่ในเมืองอิสตันบูลประเทศตุรกี เธอเป็นผู้หญิงที่ผู้สัมภาษณ์เล่าว่า ทั้งแกร่ง และกล้าหาญ เข้มแข็งด้วยศรัทธาจากภายในอันแรงกล้า เธอยิ้มให้กับโลกทั้งที่ต้องเจออุปสรรคยากลำบากต่างๆนานาบทสัมภาษณ์เรื่องราวชีวิตของเธอจึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน

โลกที่เหลื่อมล้ำในโอกาส ทั้งการศึกษาและหน้าที่การงาน

เธอเริ่มเล่าให้ฟังว่า : 

“ฉันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีราฎทางตะวันออกของประเทศเตอกิสถานในปี 1988 แต่ทางการจีนไม่ให้เราได้มีงานทำ 

พวกเขาเคยบอกว่าเราจะได้มีโอกาสทำงานมากมาย หลายบริษัทอ้าแขนรอรับนักศึกษาเข้าร่วมงาน แต่พอเราไปสมัครงาน บอกเล่าถึงทักษะความสามารถและระดับการศึกษา พวกเขากลับปฏิเสธ และตอบเรามาว่า 

“คุณมันคนอุยกุร์ ที่นี่เราต้องการคนจีน เราไม่ต้องการคนอุยกุร์”

นักศึกษาชาวอุยกุร์ที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยกว่าพันชีวิตต้องกลายเป็นคนตกงาน ในขณะที่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ที่ไม่มีทักษะในอาชีพการทำงาน ขาดศีลธรรมจรรยาบรรณและข่มเหงเอาเปรียบผู้อื่น กลับมีตำแหน่งและได้รับโอกาสการทำงานมากมาย เพียงเพราะพวกเขาเป็นชาวจีน 

คนจากประเทศของเราจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย มีความรู้ความสามารถ แต่หางานทำไม่ได้ ชาวอุยกุร์คนหนึ่งเรียนจบด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เขาใช้เวลาหลายปีเรียนรู้และฝึกฝนตัวเองจนถนัดในสาขาอาชีพนั้น แต่พอจบออกไป เขากลับไม่ได้รับโอกาสให้เข้าทำงาน 

พวกเราถูกกดดันให้ทำตัวสนิทกับนักศึกษาจีน ในมหาวิทยาลัยพวกเขาบังคับให้เรียนเป็นภาษาจีนเท่านั้น อย่างในกรณีของฉัน เขาอนุญาตให้ฉันเรียนเป็นภาษาแม่เพียงแค่ระดับมัธยม พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นภาษาจีนหมด

ฉันและครอบครัวมองเห็นความอธรรมและการละเมิดต่อชาติพันธุ์อุยกุร์มากมาย คนจีนเขาเป็นปฏิปักษ์กับอิสลามมาก

หากมีนักศึกษาคนไหนทำตัวขยัน พยายามปฏิบัติตนอยู่ในกรอบศาสนา หรือนักศึกษาหญิงที่ใส่กระโปรงยาวหน่อย พวกเขาจะไล่ออก 

ตั้งแต่ปี 1999 ไปจนถึงปี 2010 มีนักศึกษาแพทย์หลายคนที่ร่ำเรียนในสาขาวิชามา 7 ปี พอพวกเขาเริ่มปฏิบัติตัวเป็นมุสลิม ทางการจีนจับเข้าคุกทันที

ลดจำนวนประชากรอุยกุร์ด้วยการบังคับทำแท้ง 

สามีของฉันเรียนภาษาอาหรับ เขาสอนคนอื่นให้ได้อ่านอัลกุรอาน ได้ศึกษาอิสลามศาสนาแห่งสัจธรรม ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกจับและอยู่ในคุกถึง 3 ปี พอครบวาระและถูกปล่อยออกมา เขากลับถูกจำกัดอิสรภาพในการเดินทาง เวลาจะออกนอกเมืองต้องมีใบอนุญาตจากตำรวจเท่านั้น

สามีของฉันโดนจับทุกปี ในหนึ่งปีเขาจะไม่ได้อยู่บ้านอย่างน้อย 6 เดือน ฉันคลอดลูกๆที่เตอกิสถานตะวันออก ฉันไม่สามารถออกจากบ้านไปไหนมาไหนได้เพราะต้องพยายามปกป้องลูกๆ กลางดึกของบางคืนจะมีตำรวจมาหาที่บ้านเรา แต่ละนายมาพร้อมอาวุธ พวกเขาจะมาเคาะประตูและถามว่า 

“บ้านนี้มีใครอยู่บ้าง ? มีเด็กอยู่ในนี้กี่คน ?” 

พวกเขาไม่เคยปล่อยให้เราได้นั่งพักผ่อนสบายในบ้าน เราต้องย้ายบ้านตลอด ภายใน 4 ปีเราย้ายบ้านไป 8 ครั้งเพื่อความปลอดภัยของลูกๆ ทั้งหมดนี้จึงทำให้ฉันต้องตัดสินใจหนีออกจากเตอกิสถานตะวันออกในที่สุด 

การเป็นผู้หญิงเลี้ยงลูกๆตัวคนเดียว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทางการจีนมักจับลูกหลานอุยกุร์ไปฉีดวัคซีน จนเกิดเหตุการณ์เด็กเสียชีวิตไปทั่ว พวกเขาต้องการลดปริมาณประชากรของเรา ฉันเลยเลือกจะมีลูกเยอะๆเพื่อต่อสู้แผนการณ์ดังกล่าว

เวลาฉันและผู้หญิงอุยกุร์ตั้งครรภ์ เราจะไม่สามารถออกไปไหนมาไหนหลังจากตั้งครรภ์ได้สี่หรือห้าเดือนไปแล้ว แม้กระทั่งบ้านของพ่อแม่เราเองก็ออกไปไม่ได้ พวกเราต้องคอยระมัดระวังไม่ให้พวกเขารู้ว่าเรากำลังตั้งครรภ์ เพราะหากรู้เข้า พวกเขาจะมาจับเราและบังคับไปทำแท้งที่โรงพยาบาล นี่คือวิธีการสังหารเด็กที่ผู้หญิงหลายคนโดนกันมาเยอะ แม้ว่าบางคนจะตั้งครรภ์แก่ถึง 8 เดือนแล้วก็ตาม

ระบบตรวจตราที่เข้มงวด

ด่านประตูบานใหญ่และกล้องวงจรปิดถูกติดตั้งตามทางเข้าออกถนนและบริเวณบ้านของเรา ทุกการเข้าออกต้องมีบัตรแสดงตน ทุกการเคลื่อนไหวต้องถูกรายงานเข้าระบบของตำรวจโดยอัตโนมัติ เราอยู่ภายใต้การควบคุมและมาตรการตรวจสอบที่เคร่งครัดตลอดเวลา ราวกับอาศัยอยู่ในคุกใต้ดิน เตอกิสถานตะวันออกมี 16 เมือง ทุกเมืองเป็นอย่างนี้กันหมด 

พวกเขาเริ่มใช้ระบบตรวจตราที่เข้มงวดเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2013 ระบบควบคุมใหม่ๆ เช่นบัตรเข้าออกและอุปกรณ์ต่างๆเริ่มถูกติดตั้งเรื่อยมา กล้องวงจรปิดถูกติดตั้งหน้าบ้านทุกหลัง คุณคิดว่ามีใครอยากอยู่ในสถานที่แบบนี้บ้าง? คุณจะรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตในเรือนจำกลางแจ้ง

ตอนนั้นฉันมีลูก 4 คน แต่ฉันไม่สามารถเดินจูงมือพาลูกๆไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะอย่างสบายใจได้ เราไม่สามารถเดินตามท้องถนน การใช้ชีวิตที่นั่นเป็นเรื่องยากลำบากมาก 

หากเราทำตัวเก่งกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกชาวจีน เราจะต้องเตรียมใจพลางๆเลยว่า หากไม่ถูกฆ่าก็ต้องถูกพาไปล้างสมองให้กลายเป็นชาวจีนเหมือนพวกเขา เพราะอะไรเราจึงเชื่อเสมอว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะขอวางใจและมอบหมายต่ออัลลอฮ เราจึงพาตัวเองมาอยู่ที่ที่ปลอดภัยอย่างที่นี่ (เมืองอิสตันบูล ตุรกี) เราจะได้มีโอกาสให้การศึกษาที่ดีแก่ลูกๆ ได้ใช้ชีวิตที่อิสระและปลอดภัย

จากบ้านเมืองเตอกิสถานตะวันออก 

ฉันได้มีโอกาสเดินทางเข้าประเทศตุรกีโดยตรง เพียงเพราะครั้งนั้นทางการจีนคิดจะเล่นเกมการเมืองกับชาวอุยกุร์ ปี 2015 ประเทศจีนได้ประกาศว่า “เราจะให้พาสปอร์ตแก่ทุกคน” 

ตอนนั้นพวกเขาเชียร์ให้เราเดินทางออกนอกประเทศมากๆ พวกเขาพยายามออกไปพบปะทุกครัวเรือน มาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน และจะคอยซักไซ้หากเราไม่ได้ทำพาสปอร์ต

เราได้พาสปอร์ตด้วยค่าธรรมเนียมเพียง 250 หยวน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาไม่ยอมออกพาสปอร์ตให้เลยเด็ดขาด แม้ว่าคุณจะจ่ายถึง 250ล้านหยวนก็ตาม !  นั่นเป็นจุดที่พวกเราเริ่มรู้สึกตัวว่ามันน่าจะเป็นเกมไล่ล่าทางการเมือง แต่กระนั้นมันก็เทียบไม่ได้กับความยากลำบากที่เราต้องเจอหากเรายังต้องใช้ชีวิตในเตอกิสถานตะวันออก ซึ่งหากอยู่ที่นั่น ทางเดียวที่ฉันเลือกได้คือ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับทางการจีนและเผชิญหน้ากับความตาย แต่ฉันมีลูกๆที่ต้องดูแล หากฉันเป็นอะไรไปใครจะอยู่ดูแลลูกๆ ? 

สามีของฉันไม่สามารถทำพาสปอร์ตเนื่องจากมีประวัติจำคุกด้วยเหตุผลทางการเมือง ชื่อของเขาถูกแบล็คลิสต์ และเขาไม่สามารถมีพาสปอร์ตได้อีกแล้วในชีวิตนี้ ลูกๆของฉันคิดถึงพ่อของพวกเขามาก ฉันเองก็คิดถึงสามี คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน ฉันกับลูกๆเราร้องไห้ด้วยกันบ่อยมากในช่วงปีแรก ตอนที่ออกจากเตอกิสถานตะวันออกฉันตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน ลูกสาวคนเล็กของฉันจึงถือกำเนิดเมื่อมาถึงที่นี่ เราใช้เงินที่พกติดตัวมาเลี้ยงชีพได้ประมาณหนึ่งปี จากนั้นเราก็เริ่มไม่มีเงินใช้ และไม่มีใครจะส่งเสียให้เราต่อเช่นกัน 

จนเมื่อฉันได้รู้จักกับมูลนิธิ Nuzugum ฉันเลยพาลูกๆมาจดทะเบียนที่นี่ ฉันได้เรียนภาษาตุรกีและฝึกทักษะส่งเสริมอาชีพเพื่อให้ฉันได้มีงานทำ ฉันทำกล่องเครื่องประดับและช่วยกลุ่มฝึกเย็บฟูกที่นอน เมื่อก่อนฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับเด็กและการศึกษา ฉันจึงได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือทางมูลนิธิจัดโครงการสอนเด็กปฐมวัย 3-6 ปี 

ตั้งแต่ฉันย้ายมาอยู่ตุรกี ฉันไม่เคยหยุดพักแม้วินาที และฉันก็ต้องดูแลลูกๆด้วย เพื่อนๆชาวอุยกุร์ด้วยกันช่วยให้กำลังใจได้มาก ไม่มีพวกเขาฉันคงรับมือกับชีวิตยากกว่านี้ ขออัลลอฮประทานความจำเริญแก่พวกเขา แต่ก็มีบางวันที่ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนอยากทิ้งทุกอย่างและหนีไปไกลๆที่ไหนสักแห่ง

เชื่อมั่นในอัลลอฮ

มันคือความเชื่อและความศรัทธาเท่านั้นที่ช่วยให้เราแข็งแกร่งได้ถึงทุกวันนี้  อัลฮัมดุลิลลาฮ แม้ว่าอุปสรรคที่ต้องเจอจะยากเย็นเพียงใด ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) และศาสดาท่านอื่นๆล้วนเจออุปสรรคและความยากลำบากในชีวิตไม่ต่างกัน

ทุกเช้าฉันต้องตื่นตั้งแต่หัวรุ่งตี 4.30 และจะไม่ได้พักผ่อนจนถึงเที่ยงคืน แต่ฉันไม่ปริปากให้ใครรู้ ฉันพยายามให้กำลังใจมากกว่า เพราะนั่นคือสิ่งที่อัลกุรอานและฮาดิษได้สอนไว้ เวลาพบเจอใครฉันจะพยายามทำตัวเหมือนคนไม่มีปัญหา ฉันเลือกจะให้พลังและกำลังใจแก่พวกเขามากกว่า ฉันมักจะเชิญชวนให้พวกเขาอ่านและเรียนรู้ อัลฮัมดุลิลลาฮ 

ด้วยเพราะเราต่างเห็นการกดขี่ข่มเหงโดนรังแกมานักต่อนัก เราจึงชอบช่วยเหลือกันและกันเหมือนญาติมิตร วันใดที่รู้สึกแย่กับชีวิต เราจะมารวมตัวกัน มาร่วมรับฟังปัญหาของกันและกัน ร้องไห้ ดุอาอ์ เรียนรู้อัลกุรอานไปด้วยกัน อัลฮัมดุลิลลาฮ 

ในหนึ่งวันของแต่ละสัปดาห์ ฉันจะชวนลูกๆมาล้อมวงทำฮัลเก้าะห์ครอบครัวกันประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง เราจะชวนคุยถึงวิสัยทัศน์ เป้าหมายชีวิต และร่วมดุอาอ์ให้แก่กัน ฉันขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮให้ลูกๆยืนหยัดมั่นคงในอิสลาม ให้อัลลอฮช่วยปัดเป่าบรรเทาความโศกเศร้าในหัวใจพวกเขา ฉันบอกกับพวกเขาว่า หากลูกๆไม่ร่ำเรียน มีอาชีพการงาน ฉันจะไม่มีวันนิ่งนอนใจ

ฉันตักเตือนพวกเขาเสมอว่า 

“ลูกๆมีชีวิตสุขสบาย มีอิสรภาพตามต้องการที่นี่ แต่ในประเทศของเราประชาชนทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่จะอาบน้ำละหมาด พวกเขาหายใจไม่ได้ ประหนึ่งถูกจองจำในคุกกลางแจ้ง” 

ฉันบอกลูกให้เห็นคุณค่าของอิสรภาพนี้ 

“โลกกำลังมองดูเราอยู่ แต่พวกเขามองเหมือนดูหนัง เพราะจีนมีอำนาจ”

เรารู้สึกเสียใจมากที่บ้านเกิดเมืองนอนของเราตกอยู่ในกำมือของมหาอำนาจที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่ไร้ศีลธรรมและโสมมที่สุด ไม่มีคำว่ายุติธรรมในโลกปัจจุบัน คุณพูดได้ แต่คุณทำอะไรไม่ได้ 

เราร้องไห้มานานหลายปี เราถูกกดขี่ข่มเหงมานานหลายปี โลกกำลังมองดูเราอยู่ แต่พวกเขามองเหมือนดูหนัง เพราะจีนมีอำนาจ โลกจึงได้แต่มองดู …

ตามจริงในความเป็นมนุษย์ พวกเราชาติอุยกุร์คงเหมือนสำลี เราไม่ทำร้ายใคร แต่เรามีมิตรไมตรี ตอนที่ชาวจีนเข้ามาในบ้านเกิดของเราเมื่อปี 1940 พวกเขาเข้ามามือเปล่า มาในสภาพหิวกระหาย บรรพบุรุษของเราจึงยื่นน้ำยื่นอาหารให้เพื่อแสดงถึงมิตรไมตรีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะพวกเขารู้มาว่าแขกบ้านแขกเมืองเหล่านั้นกำลังหิวโหย 

แต่แล้วพวกเขาก็ค่อยๆยึดถิ่นทำกินไปทีละนิดด้วยอุบายต่างๆนานา พวกเขารังแกและหลอกลวงคนของเรามากมาย ชาวอุยกุร์ไม่เคยคาดคิดว่าชาวจีนจะทำอะไรที่เลวร้ายเช่นนั้น เพราะเราถือมาตรฐานให้ความเป็นมนุษย์แก่ทุกคนเหมือนที่เราถือให้กับตัวเอง แต่พวกเขาก่อความเสียหายมากมาย บ้านเมืองของเราเป็นประเทศที่ร่ำรวยมาก  แต่เรากลับไม่สามารถนำทรัพยากรใต้ดินมาใช้สอย กลับเป็นคนจีนที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของเรา 

ร่วมดุอาอ์ให้กับกลุ่มผู้ประท้วง stand4uyghurs 

เราได้ทราบจากแหล่งข่าวว่ามีพี่น้องมุสลิมในอังกฤษช่วยกันออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนให้กับเตอกิสถานตะวันออก เราในฐานะตัวแทนชาวอุยกุร์ อยากขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ร่วมเป็นกำลังใจให้กับเรา เราขอร่วมดุอาอ์ให้ทุกคนเช่นกัน

แปลและเรียบเรียง : Andalas Farr

อ้างอิง

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดอย่างไร ?

About author View all posts

Andalas Farr

คุณแม่ลูกสามผู้หลงใหลงานแปลภาษาเป็นชีวิตจิตใจ และรักงานเขียน งานสอนที่เชิญชวนสู่เส้นทางแห่งความดี ไม่ได้เป็นลูกครึ่งแต่รู้สึกผูกพันกับภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ ชนิดเห็นประโยคแล้วสมองต้องประมวลภาษาโดยอัตโนมัติ Andalas จบการศึกษาระดับปริญาตรีและโทคณะมนุษย์ศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับครอบครัว ลูก และตัวอักษร