สหรัฐอเมริกาในยุคสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นเต็มไปด้วยนโยบายสร้างผลกระทบให้กับผู้คนจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือนโยบายห้ามมุสลิมบางชาติเดินทางเข้าประเทศและนโยบายกีดกัดผู้อพยพที่ส่วนใหญ่เป็นชาวลาติน นั่นทำให้ชาวมุสลิมและชาวลาตินที่อาศัยอยู่ในออเรนจ์เคาน์ตี้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จับมือกันก่อตั้ง Latino & Muslim Unity องค์กรที่จะมาช่วยสร้างความสามัคคีและรวมพลังระหว่างชาวอเมริกันสองชาติพันธุ์
Rida Hamida ชาวมุสลิมเชื้อสายปาเลสไตน์ผู้ริเริ่มก่อตั้ง Latino & Muslim Unity บอกว่า ชาวมุสลิมและชาวลาตินต่างก็จัดชุมนุมและประท้วงนโยบายของทรัมป์ แต่พวกเขาไม่รู้จักกัน “เราต่อสู้เพื่อชุมชนของเราเอง แต่เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อกันและกัน เราเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่เราไม่รู้จักกันและกัน” เธอกล่าว
ขณะที่ Ben Vazquez ผู้ร่วมก่อตั้งชาวลาตินที่พ่อแม่อพยพมาจากเม็กซิโกบอกว่า สิ่งที่พวกเขาทำคือการปลูกฝังความเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างกัน
ถึงแม้จะเป็นย่านที่มีความอนุรักษ์นิยมมายาวนาน แต่ปัจจุบันออเรนจ์เคาน์ตี้เป็นพื้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการรวมตัวกันของชาวลาตินและมุสลิม เพราะทุกวันนี้ออเรนจ์เคาน์ตี้มีชนกลุ่มน้อยเป็นประชากรส่วนใหญ่ โดยมีชาวลาตินคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดจำนวน 3.2 ล้านคน ในขณะที่มีชาวมุสลิมประมาณ 120,000 คนอาศัยอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน
Hamida และ Vazquez พบกันครั้งแรกในการชุมนุมในปี 2015 และตระหนักว่าพวกเขาต่างจริงจังในสิทธิผู้อพยพเหมือนกัน เนื่องจากครอบครัวของพวกเขาต่างก็เป็นผู้อพยพ นั่นทำให้ทั้งคู่ร่วมกันทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างชาวมุสลิมและชาวลาติน
การทำงานร่วมกันครั้งแรกของพวกเขาเกิดขึ้นในปี 2016 ในโปรเจคต์ Adventures in Al-Andalus ซึ่งเป็นการบรรยายในโรงเรียนมัธยมที่พยายามสื่อให้เห็นถึงความเหมือนกันของชาวลาตินและมุสลิม และตามด้วยการจัดทริปเยี่ยมชมย่าน Little Arabia ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชาวอาหรับอเมริกันซึ่งเต็มไปด้วยอาหารเลบานอนและอาหารปาเลสไตน์ ทั้งๆ ที่ย่านนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยชาวลาติน แต่ Hamida บอกว่าชาวลาตินไม่เคยไปเที่ยวหรือรับประทานอาหารที่ย่านอาหรับกันเลย และเธอต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น
โปรเจคต์รถขายทาโก้ทุกมัสยิด หรือ #TacoTrucksatEveryMosque นั้นเกิดขึ้นหลังจากวาทกรรมต่อต้านผู้อพยพของ Marco Guiterrez ชาวเม็กซิกันที่ก่อตั้ง Latinos for Trump ที่สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวในรายการโทรทัศน์ว่า อเมริกาจะมี “รถขายทาโก้อยู่ทุกซอกทุกมุม” หากไม่หยุดการอพยพของชาวลาติน
วาทกรรมนั้นได้กลายเป็นไวรัล สร้างความโกรธเคืองและความอับอายให้กับชาวลาตินหลายล้านคนในสหรัฐอเมริกา และนั่นทำให้ Vazquez และ Hamida เกิดไอเดียให้กับโปรเจคต์ใหม่ของพวกเขา
#TacoTrucksAtEveryMosque ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนรอมฎอนปี 2017 ที่ศูนย์อิสลามซานตาอาน่า ซึ่งเป็นมัสยิดที่ประกอบไปด้วยมุสลิมเชื้อสายจามจากกัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งในช่วงแรกทั้งชาวลาตินและมุสลิมต่างก็มีความกังวลเกี่ยวกับอาหารที่เสิร์ฟด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ในขณะที่ชาวมุสลิมกังวลว่าอาหารจะปนเปื้อนสิ่งที่ไม่ฮาลาล ชาวลาตินที่มาเข้าร่วมบางคนก็กังวลว่าการกินทาโก้ฮาลาลจะทำให้พวกเขากลายเป็นมุสลิม นั่นทำให้ Hamida ต้องคอยอธิบายเพื่อทำความเข้าใจ
มีผู้คนมากกว่า 400 คน มาเข้าร่วมงานในครั้งแรก และมากกว่า 1,400 คนในครั้งที่สองซึ่งจัดขึ้นราวสองสามสัปดาห์ถัดมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา #TacoTrucksAtEveryMosque ก็เดินทางไปไกลถึง Baja California ในประเทศเม็กซิโกเลยทีเดียว ซึ่งในปีแรกของการโปรเจคต์นี้ Hamida ประเมินว่าพวกเขาให้บริการผู้คนไปแล้วมากกว่า 7,300 คนด้วยทาโก้เกือบ 29,000 ชิ้น
#TacoTrucksAtEveryMosque นั้นยังคงจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปีนี้ Hamida และ Vazquez ได้เพิ่มบริการฉีดวัคซีนฟรีให้กับผู้มารับทาโก้ของพวกเขาอีกด้วย
ติดตามความเคลื่อนไหวของโปรเจคต์ได้ที่ : latinoandmuslimunity.org
อ้างอิง :
- Building A Latino-Muslim Coalition With #TacoTrucksAtEveryMosque – https://n.pr/2QT2uVw
- Taco trucks at every mosque : how halal tacos are uniting latinos and muslims – https://bit.ly/2TcMUER
- At Orange County mosques, they come for the halal tacos and stay for the vaccination – https://bit.ly/3vjIb2z